• Liverpool จ๋อย หลังโดน ราฟินญ่า ปฏิเสธ 

    Liverpool จ๋อย หลังโดน ราฟินญ่า ปฏิเสธ 

     Liverpool จ๋อย หลังโดน ราฟินญ่า ปฏิเสธ 

           

         ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนักฟุตบอลคนไหนปฏิเสธที่จะมาร่วมงานกับทีมสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างลิเวอร์พูล 

    เพราะว่าทีมสโมสรลิเวอร์พูลนั้นถือว่าเป็นทีมสโมสรที่มีมานานหลายปีและเป็นทีมสโมสรยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เลยก็ว่าได้  อย่างไรก็ตาม มีการรายงานออกมาจากสำนักข่าวฟุตบอล 365   

    โดยมีการเปิดเผยว่าทางทีมสโมสร ลิเวอร์พูลได้มีการติดต่อไปยังทีมลีดส์ เนื่องจากว่าเขาอยากได้ตัวนักเตะรายนี้มาร่วมงานด้วย 

     

           อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวเปิดเผยว่านักเตะคนดังกล่าวนั้นกลับปฏิเสธที่จะย้ายมาอยู่กับทีมสโมสรลิเวอร์พูล

    เนื่องจากว่าเขามีเป้าหมายในดวงใจเอาไว้อยู่แล้วว่าอยากจะย้ายไปอยู่ทีมไหน และสำหรับ นักเตะที่ปฏิเสธสโมสรลิเวอร์พูล จนถึงต้องจ๋อยไปเลยนั้น ก็คือราฟินญ่า นั่นเอง 

            หลักการเปิดเผยของฟุตบอล 365 มีการระบุว่าสโมสรลิเวอร์พูล กำลังมองหานักฟุตบอล แนวรุกให้ไปเติมเต็มเนื่องจากว่านักเตะของทีมสโมสรลิเวอร์พูลนั้นจะมีการย้ายไปอยู่ทีมอื่น

    อย่างเช่นซาดิโอมาเน่ซึ่งมีการย้ายออกจากทีมสโมสรลิเวอร์พูลอย่างแน่นอน  เพราะอยากจะไปลองหาประสบการณ์การเตะบอลกับสโมสรอื่นดู 

    ดังนั้นทีมสโมสรลิเวอร์พูลจึงจำเป็นที่จะต้องมีการหาตัวนักเตะมาเพิ่ม

    นอกจากนี้ทางสโมสรลิเวอร์พูลยังมีแนวความคิดว่าอยากจะ set up แนวรุกใหม่ทั้งหมดจึงได้มีการทาบทามไปที่ ราฟินญ่า  นักเตะบราซิล ซึ่งขณะนี้กำลังเล่นให้กับทีมสโมสร ลีดส์ อยู่นั่นเอง 

    โดยในครั้งนี้ทางทีมสโมสรลิเวอร์พูลพร้อมที่จะทุ่มสุดตัว โดยมีการยื่นเสนอค่าตัวไปยัง ราฟินญ่า สูงถึง 60 ล้านปอนด์เลยทีเดียว 

              อย่างไรก็ตามมีการเปิดเผยออกมาว่ากองหน้าทีมชาติบราซิลนัดกับปฏิเสธทีมสโมสรลิเวอร์พูลโดยยืนยันว่าเขาไม่สนใจที่จะย้ายมาอยู่กับทีมสโมสรลิเวอร์พูลเพราะในขณะนี้เขารอทีมสโมสรที่เขาอยากจะย้ายไปอยู่ด้วย

    นั่นก็คือทีมสโมสรบาร์เซโลน่าเพราะเขาใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นนักเตะให้กับทีมสโมสรบาร์เซโลน่ามานานแล้วเนื่องจากว่าทีมสโมสรบาร์เซโลน่านั้นคือทีมในดวงใจของเขานั่นเอง

            อย่างไรก็ตามในขณะนี้ทีมสโมสรบาร์เซโลน่ายังไม่มีทีท่าว่าจะมีการเข้ามาซื้อตัว ราฟินญ่า ไปร่วมทีมด้วย  ส่วนสาเหตุในขณะนี้นั้นก็เพราะว่าทีมสโมสรบาร์เซโลน่ากำลังมีปัญหาด้านการเงิน  ไม่สามารถที่จะทุ่มเงินจำนวนมหาศาล

    เพื่อซื้อตัวนักเตะได้ซึ่งถ้าหากทีมสโมสรบาร์เซโลน่าอยากจะได้ตัว ราฟินญ่า ไปร่วมงานด้วยนั้นอาจจะต้องมีการขายตัวนักเตะในทีมคนใดคนหนึ่งออกไปก่อนถึงจะสามารถรวบรวมเงินได้มากพอที่จะจ่ายค่าตัวให้กับ  ราฟินญ่าได้

     

     

    ได้รับการสนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

  • พิพิธภัณฑ์ยุคใหม่กับการเรียนรู้ผ่านโลกดิจิทัล

    พิพิธภัณฑ์ยุคใหม่กับการเรียนรู้ผ่านโลกดิจิทัล

    ถ้าเราย้อนกลับไปสักสิบกว่าปีก่อน ภาพของ “พิพิธภัณฑ์” อาจเป็นสถานที่เงียบ ๆ เต็มไปด้วยตู้จัดแสดงสิ่งของเก่า และป้ายคำอธิบายยาวเหยียด แต่ทุกวันนี้ภาพเหล่านั้นเปลี่ยนไปเกือบหมดแล้ว เพราะพิพิธภัณฑ์ไม่ได้เป็นแค่ที่เก็บของในอดีตอีกต่อไป มันกลายเป็น “ประสบการณ์แห่งการเรียนรู้” ที่ผสานโลกจริงกับเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

    จากตู้จัดแสดงสู่ประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ

    พิพิธภัณฑ์ยุคใหม่เข้าใจว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้อยากแค่ “ดู” แต่เขาอยาก “สัมผัส” และ “มีส่วนร่วม” ด้วย นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิด Interactive Museum ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ทดลอง ทำกิจกรรม หรือแม้แต่ใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code เพื่อดูเนื้อหาเสริม เช่น ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียงบรรยาย

    บางแห่งมีการใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) เข้ามาช่วย เช่น การจำลองเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ หรือการพาเดินชมเมืองในอดีตผ่านแว่น VR ซึ่งทำให้การเรียนรู้สนุกและเข้าถึงง่ายขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่เติบโตมากับเทคโนโลยี

    โลกออนไลน์กับพิพิธภัณฑ์ที่ไปถึงบ้านคุณ

    ยุคโควิด-19 คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พิพิธภัณฑ์หลายแห่งทั่วโลกเร่งปรับตัวสู่โลกออนไลน์ เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า “Virtual Museum” หรือ “Online Exhibition” ซึ่งผู้ชมสามารถเข้าชมผ่านเว็บไซต์หรือแอปได้โดยไม่ต้องเดินทาง

    ตัวอย่างเช่น Louvre Museum ในฝรั่งเศส เปิดให้ชมภาพวาด Mona Lisa ผ่านระบบออนไลน์แบบ 360 องศา หรือ The British Museum ที่เปิดคอลเลกชันกว่า 4 ล้านชิ้นให้ผู้ชมทั่วโลกค้นหาผ่าน Google Arts & Culture ได้ฟรี พิพิธภัณฑ์ในไทยเองก็เริ่มปรับตัว เช่น มิวเซียมสยาม หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย (MOCA) ที่มีช่องทางออนไลน์ให้ผู้ชมเข้าถึงนิทรรศการได้ตลอดเวลา

    การเรียนรู้แบบใหม่ที่ผสมโลกจริงกับโลกเสมือน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ พิพิธภัณฑ์ไม่ได้แค่ย้ายข้อมูลขึ้นอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังพัฒนาให้กลายเป็น “พื้นที่เรียนรู้แบบผสมผสาน (Hybrid Learning Space)” เช่น การจัดเวิร์กช็อปออนไลน์ การบรรยายผ่านไลฟ์สตรีม หรือกิจกรรมที่ให้ผู้ชมเรียนรู้ผ่านเกมการศึกษา (Gamification)

    บางพิพิธภัณฑ์ใช้เทคโนโลยี AI และ Big Data เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เข้าชม และปรับเนื้อหาให้เหมาะกับแต่ละคน เช่น ระบบที่แนะนำเส้นทางเดินชมงานตามความสนใจ หรือเสนอคอนเทนต์เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ชมเลือกดูบ่อย

    พิพิธภัณฑ์ในฐานะ “ห้องเรียนของอนาคต”

    ในต่างประเทศมีแนวคิดที่เรียกว่า “Museum as Classroom” ซึ่งมองว่าพิพิธภัณฑ์คือห้องเรียนขนาดใหญ่ที่เปิดกว้างสำหรับทุกวัย นักเรียนสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะจากของจริง ไม่ใช่แค่จากหนังสือหรือสไลด์นำเสนอ

    เทคโนโลยีดิจิทัลจึงเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญ ไม่ใช่เพื่อแทนที่ของจริง แต่เพื่อ “ต่อยอดการเรียนรู้” เช่น การใช้แอปมือถือสแกนชิ้นงานเพื่อดูโครงสร้างภายใน หรือฟังเสียงบรรยายจากนักวิจัยตัวจริง

    พิพิธภัณฑ์ยุคใหม่ไม่ใช่แค่สถานที่ — แต่มันคือประสบการณ์

    ทุกวันนี้พิพิธภัณฑ์ไม่จำเป็นต้องเป็นอาคารใหญ่โตเสมอไป แต่อาจเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมเรื่องราวทางวัฒนธรรมไว้ในรูปแบบดิจิทัล พิพิธภัณฑ์กลายเป็น “พื้นที่เปิด” ที่ใครก็เข้าถึงได้จากทุกที่บนโลก

    แนวโน้มในอนาคตคือพิพิธภัณฑ์จะผสานศิลปะ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันมากขึ้น เพื่อให้ผู้ชม “ได้ทั้งความรู้และแรงบันดาลใจ” ไปพร้อมกัน เพราะสุดท้ายแล้ว จุดประสงค์ของพิพิธภัณฑ์ไม่ใช่แค่เก็บรักษาอดีต แต่คือการทำให้เรื่องราวเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน